|
|
|
|
|
|
2. เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศใหม่ทดแทนเครื่องปรับอากาศเก่าที่มีประสิทธิภาพต่ำหรือใช้งานมานาน |
|
|
เลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์
5 โดยดูจากค่า EER (Energy Efficiency Ratio) ซึ่งหมายถึงค่า
แสดงประสิทธิภาพ ซึ่งผลลัพธ์จาการนำจำนวนบีทียูต่อชั่วโมงหารด้วยจำนวนวัตต์
(ดูได้จากฉลากที่ติดมากับตัวเครื่อง) โดยค่า
EER ตั้งแต่ 11.0 ขึ้นไป ถือว่าอยู่ในระดับ 5 มีเกณฑ์ดีมาก
ทำให้เสียค่าไฟฟ้าน้อยกว่าค่า EER ที่ต่ำ่กว่า |
|
|
|
3. มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นเต็มบีทียู |
|
|
|
4. เลือกใช้เครื่องปรับอากาศทีมีระบบควบคุมอุณหภูมิหรือรีโมทคอนโทรลที่มีความเที่ยงตรงสูง |
|
|
เลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีระบบแจ้งเตือนสถานะการทำงานของเครื่องเมื่อเครื่องผิดปกติ
ทำให้รู้ปัญหาได้ก่อน
ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
|
|
|
|
5. หมั่นตรวจสอบและทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอยู่เสมอ |
|
|
หมั่นตรวจสอบและทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอยู่เสมอ
โดยเฉพาะถ้าเครื่องปรับอากาศมีระบบแจ้งเตือนความสกปรก
ของฟิลเตอร์และแผ่นกรองอากาศจะทำให้อากาศบริสุทธิ์เสมอ
ช่วยให้ประหยัดไฟยิ่งขึ้น
|
|
|
|
6. เปิดลมให้แรงที่สุดเมื่อห้องยังร้อนอยู่ |
|
|
การตั้งอุณหภูมิที่ค่าต่ำนั้นไม่ช่วยให้ห้องเย็นเร็วขึ้น
แต่ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีระบบกระจายความเย็นเร็ว
จะเป็นการช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า
|
|
|
|
7. ปิดประตูและหน้าต่างให้มิดชิดและอย่าเปิดทิ้งไว้ |
|
|
ตรวจสอบว่ามีรอยรั่วให้ความร้อนจากภายนอกเข้ามาสู่ในห้องหรือไม่
|
|
|
|
8. ลดความร้อนจากภายนอกโดยใช้ม่านบังแดด
กันสาด หรือปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงา
แก่ผนังห้องที่โดนแสงแดดเป็นประจำ
|
|
ทำที่บังแดด อาจเป็นแผงครีบในแนวดิ่งหรือแนวนอน เพื่อให้กำแพงอยู่ในร่มเงาตลอดทั้งวัน
แต่ควรให้อากาศภายนอกไหลผ่านช่องว่างระหว่างที่บังแดดและตัวผนังได้โดยสะดวก
เพื่อมิให้เกิดการสะสมของความร้อนขึ้น
|
|
|
9. ตั้งอุณหภูมิของเครื่องให้เหมาะสมที่
24°C - 27°C ประหยัดกำลังสบาย
โดยอุณหภูมิต่ำลง
1°C ทำให้เพิ่มค่าไฟฟ้า 10% |
|
ตั้งอุณหภูมิที่ระดับร่างกายรู้สึกสบาย โดยไม่ต่ำกว่า 25 องศา C และทุกอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศา C จาก 25 องศา
จะช่วยประหยัดไฟได้ร้อยละ 10 แต่ไม่ควรเกิน 28 องศา C ขึ้นไป เพราะจะไม่รู้สึกเย็นแต่เครื่องยังทำงานอยู่
|
|
|
10. อย่าให้มีสิ่งกีดขวางทางลมเข้าและออก
ทั้งส่วนให้ความเย็นในห้องและ
ส่วนระบายความร้อนนอกอาคาร
|
|
ขจัดสิ่งกีดขวางทางลมเข้าและออกจากชุดคอนเดนเซอร์ระบายความร้อน หลีกเลี่ยงการติดตั้งในลักษณะลมร้อนจากชุดคอนเดนเซอร์ระบายความร้อนปะทะกับลมธรรมชาติโดยตรง |
|
|
11. ได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพจากสถาบันที่เชื่อถือได้
|
|
มีเครื่องหมายรับรองมาตราฐาน ซึ่งประโยชน์ของผู้ผลิต และสร้างความมั่นใจของผู้บริโภค
มีคุณภาพได้มาตรฐานตามที่กำหนดมีความปลอดภัยในการอุปโภค บริโภค มีประสิทธิภาพในการใช้งาน
และมีคุณภาพสมราคา
|
|
|
12. ควรบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศตามระยะเวลาอย่างน้อยปีละ
1-2 ครั้ง |
|
ควรจะบำรุงรักษาโดยการล้างแอร์ เต็มระบบ เป็นประจำอย่างน้อย ปีละ 1-2 ครั้ง หรือ ปีละ 3-4 ครั้ง สำหรับบ้านเรือนที่อยู่ติดถนนหรืออาคาร สำนักงานที่มีการใช้ เครื่องปรับอากาศ เต็มที่เป็นเวลานานๆ เพื่อขจัดฝุ่นละอองที่จับ กันเป็นแผ่นแข็งและติดกันอยู่ตามซี่ใบพัดทุก 6 เดือน
|
|